เควิน คีแกน ก็ไม่ได้ล้ำเลิศอะไรมากมาย

ก่อนพายุอุกาบาตลูกใหญ่จะพุ่งเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว นัดต่อมาที่ต้องออกไปเยือน

เวสต์แฮม ที่ อัพตัน พาร์ค พลพรรคสาลิกาดงเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะคู่แข่งได้สำเร็จในโปรแกรมเดียวกันจาก 12 แต้ม จึงลดลงเหลือ 9 แต้มเกมถัดไป นิวคาสเซิ่ล ต้องออกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ การศึกครั้งนั้นจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 ขณะที่ผู้ไล่ล่าอย่างปีศาจแดงยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่งของตัวเองได้สำเร็จจาก 9 แต้ม

ลดลงเหลือ 7 แต้ม แล้ว นิวคาสเซิ่ล ก็ต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในแมตช์ต่อไปพอดเอริก คันโตน่า ซัลโวประตูชัยให้พลพรรคปีศาจแดงบุกไปเหยียบจมูกสาลิกาดงถึงถิ่นในเกมที่อุดมด้วยความเมามันระดับ 80,000 ตีนถีบแมนฯ ยูไนเต็ด ไล่มาเหลือแค่ 4 แต้ม ตอนที่ยังนำห่าง 12 แต้มนิวคาสเซิ่ล ลงเล่นอีก 6 นัดต่อมา ดูบอลสด โดยชนะแค่เกมเดียวเท่านั้น หลุดเสมอไป 1 และเสียหลักพุ่งชนความปราชัยถึง 4 นัดหลังจากนั้นก็อย่างที่ทราบกันดี นี่คือหลักฐานที่ยืนยันหนักแน่นว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝันตลอดเวลา อย่างไรก็ตามนิวคาสเซิ่ล ชุดนั้นก็เทียบไม่ได้เลยกับ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ เกมรุกที่ว่าดุดันนักหนาก็ยังไม่น่าสยดสยองเท่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในตอนนี้ ขณะที่เกมรับอุดมด้วยจุดอ่อน เพราะถ้าใครดูทันก็คงจะจำได้ว่า นิวคาสเซิ่ล ชุดนั้นเล่นเกมรับกันไม่เป็นแผนการเล่นและกลยุทธ์ของกุนซือสาลิกาดงอย่าง

เควิน คีแกน ก็ไม่ได้ล้ำเลิศอะไรมากมาย อาศัยปีก 2 ข้างที่มีความเร็ว

และกองหน้า 2 ตัวที่มีความชำนาญในการกะซวกตาข่าย (ฤดูกาลนั้น อลัน เชียเรอร์ ยังไม่ได้ย้ายมานะครับ) แล้วลงไปวัดกับคู่ต่อสู้แบบตาต่อตาและฟันต่อฟัน เท่านั้นเอง เท่านั้นเองจริงๆสำหรับภาพรวมของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ มองเห็นจุดแข็งชัดเจนอยู่ 2 ประการ หนึ่งคือเกมรับอันเหนียวแน่นและแข็งแกร่ง

แม้มาตรฐานของเกมรับจะตกลงไปจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วยการเสียประตูง่ายขึ้น แถมเสียประตูเกือบทุกนัดแต่ก็ยังไม่ส่งผลเสียหายอะไร ด้วยเกมรุกที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และมีความเชี่ยวชาญในการหาทางเอาชนะคู่แข่งเข้ามาทดแทนคืออีกประการหนึ่ง ถามว่าเพราะอะไรเกมรับของพวกเขาถึงมีความเหนียวแน่นและแข็งแกร่ง?ขอบอกว่ามันมีกุญแจสำคัญอยู่ 2-3 ดอก ดอกแรกรูปแบบการเล่นที่เน้นผลการแข่งขันมากขึ้น ไม่ได้ตะบี้ตะบันเล่นฟุตบอลในสไตล์ "เฮฟวี่ เมทัล" ทุกนัดสักหน่อยก่อนที่อิตาลีจะคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศสตามเป้าหมาย จากนั้น บุฟฟ่อน ถูกเรียกตัวติดโผอิตาลีชุดทำศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกเมื่อปี 1998 มัลดินี่เลือกเขาเป็นผู้รักษาประตูมือสองรองจาก ปายูก้า หลังการบาดเจ็บของ อันเจโล่ เปรุซซี่ ส่วนมือ 3 เป็นของ ฟรานเชสโก้ ตอลโด้ ก่อน อิตาลี จะตกรอบควอเตอร์ไฟนัลหลังดวลเป้าพ่าย ฝรั่งเศส 3-4 บุฟฟ่อน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของอิตาลีตั้งแต่ศึกยูโร 2000 ทีมอัซซูรี่ยุค ดิโน่ ซอฟฟ์ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็พ่าย ฝรั่งเศส 1-2 จากการยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ยูเวนตุส จ่ายเงิน 52 ล้านยูโรดึง บุฟฟ่อน มาจาก ปาร์ม่า ในช่วงหน้าร้อนปี 2001 เพื่อแทนที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์