ความตายสำหรับพวกอาหรับ
- koret zarter
- 2 มี.ค. 2565
- ยาว 1 นาที
นอกจากนี้ แฟนบอลของเบียตาร์ขึ้นชื่ออย่างมากกับการไล่กระทืบแฟนบอลชาวอาหรับ
"ความตายสำหรับพวกอาหรับ" คือสโลแกนของแฟนบอลทีมนี้ และพวกเขาภูมิใจอย่างมากกับการถูกสื่อยกให้เป็น สโมสรฟุตบอลที่เหยียดเชื้อชาติมากที่สุดของอิสราเอล ขณะที่ เบนาย ซัคนิน เป็นทีมฟุตบอลของชนกลุ่มน้อย เบียตาร์ เยรูซาเล็ม คือสโมสรที่ทรงอำนาจมากที่สุดในประเทศ เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ของอิสราเอล รวมถึง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอิสราเอล
ก็เป็นแฟนบอลเดนตายของทีมยิวขวาจัดด้วยเช่นกัน ชาวยิวจำนวนไม่น้อยชื่นชอบแนวคิด "เลือดบริสุทธิ์" ที่เบียตาร์นำมาใช้ ไม่ยอมให้คนอาหรับเข้ามาเล่นในทีม ด้วยเหตุนี้ การเหยียดเชื้อชาติผ่านเกมฟุตบอลที่อิสราเอล จึงเกิดขึ้นโดยไม่ได้รับการแก้ไขเบียตาร์ เยรูซาเล็ม จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับ เบนาย ซัคนิน เพราะขณะที่ทีมหนึ่งต้องการจะแสดงให้เห็นความภูมิใจของชาวอาหรับ อีกฝั่งเต็มใจที่จัดการให้คนต่างเชื้อชาติ และศาสนา ไม่มีที่ยืนแม้กระทั่งในเกมฟุตบอล เป็นมากกว่าฟุตบอล นับตั้งแต่ปี 2004 ที่ เบนาย ซัคนิน เลื่อนสู่ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เบียตาร์ เยรูซาเล็ม ประกาศตัวเป็นคู่แค้นไม่เผาผีทันที การทะเลาะวิวาทระหว่างแฟนบอลทั้งสองทีมคือเรื่องที่เห็นได้บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า ไม่ใช่การต่อสู้กันผ่านเกม ฟุตบอลแต่เป็นเรื่องนอกสนาม เบียตาร์ เยรูซาเล็ม เคยกุมอำนาจสื่อ และมวลชนเอาไว้ในอดีต แนวคิดอนุรักษ์นิยมทางเชื้อชาติทำให้สโมสรมีอำนาจมากเหนือเกมฟุตบอล กระทำเรื่องแย่ ๆ ทั้งการเหยียดเชื้อชาติ ในและนอกสนามแข่ง, ล็อบบี้สื่อให้ลงข่าวโจมตีใครก็ตามที่เป็นชาวอาหรับ ที่มีความเกี่ยวข้องกับฟุตบอลอิสราเอล
รวมถึงทำร้ายร่างกาย แฟนบอลชาวอาหรับ หรือใครก็ตามที่ทำให้พวกเขาขัดใจ แต่ก็ทีมยังคงอยู่โดยไม่เคยเจอการลงโทษขึ้นร้ายแรง "ผมไม่เคยแปลกใจเลยว่า เหตุใดเบียตาร์คือสโมสรยอดนิยมแห่งเยรูซาเล็ม เพราะทีมนี้ดำรงไว้ซึ่งคุณค่าที่ต่างจากทีมอื่น นั่นคือความรักในผู้คน และประเทศอิสราเอล นี่คือทีมที่ควรได้รับการชื่นชม" นี่คือคำพูดจากปาก อาวิกดอร์ เลียบอร์แมน นักการเมืองขวาจัดชื่อดังของอิสราเอล ผู้เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีถึง 8 ครั้ง กล่าวชื่นชมทีมรัก ไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดแฟนบอลของเบียตาร์จึงสามารถทำตัวกร่างนอกสนามได้ขนาดนี้ ขณะที่ เบนาย ซัคนิน ไม่ใช่ทีมรักของคนส่วนใหญ่ในอิสราเอล แต่พวกเขาหันไปผูกมิตรกับชาวอาหรับนอกประเทศ ถึงขั้นที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรง จากรัฐบาลของประเทศกาตาร์ ดูบอลสด สร้างสนามเหย้าให้กับสโมสรแห่งนี้ และตั้งชื่อว่า โดฮา สเตเดียม อันเป็นชื่อเมืองหลวงของประเทศกาตาร์ ตั้งแต่ปี 2006 สืบเนื่องจากเวลานั้น กาตาร์มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับอิสราเอลที่ไม่สู้ดีนัก จึงใช้ เบนาย ซัคนิน เป็นเครื่องมือต่อสู้กับ ชาติของชาวยิวโดยตรง ซึ่งในอดีตทีมบอลของชาวอาหรับถือว่ามีแฟนบอลที่แสบพอตัว ต่อยตีกับแฟนทีมอื่นไปทั่วเหมือนกัน
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป หลังจาก เบนาย ซัคนิน หันมาหาการเป็นสโมสรฟุตบอลที่ถูกต้องด้วย
การจับมือกับชาวปาเลสไตน์ หันมาเรียกร้องความเท่าเทียมทางสังคม แสดงให้เห็นว่า ถึงจะแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา แต่คนอิสราเอล และชาวอาหรับ สามารถอยู่ร่วมกันได้ ผ่านเกมฟุตบอล เบนาย ซัคนิน ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นทีมที่มีแฟนบอล ทั้งคนอาหรับ, ชาวยิว และผู้นับถือศาสนาคริสต์ แนวทางของเบนาย ทำให้สโมสรแห่งนี้ เป็นที่นิยมมากขึ้นในอิสราเอล ผู้คนหัวสมัยใหม่สนับสนุนในสิ่งที่เบนายได้ทำ หันมาติดตาม ให้กำลังใจมากขึ้น
รวมถึงมีชาวต่างชาติมาเป็นแฟนบอลของทีมรวมถึงชาวยิวหัวสมัยใหม่ที่อาศัยในโลกตะวันตกด้วย นอกจากนี้ เบนายเป็นหนึ่งในต้นแบบ ให้สโมสรฟุตบอลอื่นในอิสราเอล กล้าดึงผู้เล่นชาวอาหรับมาร่วมทีม จนกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในฟุตบอลอิสราเอล ยกเว้นแต่ เบียตาร์ เยรูซาเล็ม ที่ยังยึดมั่นในวิถีดั้งเดิม ขณะที่ เบียตาร์ เยรูาเล็ม หลังจากเป็นทีมจอมเหยียดมาอย่างยาวนาน กำลังเจอปัญหาครั้งใหญ่ เนื่องจากราชวงศอาบูดาบี แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าซื้อหุ้น 50 เปอร์เซนต์ ในช่วงปลายปี 2020 จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร แฟนบอลเบียตาร์ต้องช็อคตาตั้ง จากที่เกลียดชาวอาหรับมาทั้งชีวิต แต่ต้องมามีคนนับถือศาสนาอิสลามคุมสโมสร ซึ่งดีลนี้เกิดขึ้น ด้วยเรื่องของการเมืองล้วน ๆ เนื่องจากอิสราเอล ตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนนำมาซึ่งการซื้อสโมสรฟุตบอลชื่อดัง เพื่อให้ยูเออีเข้ามามีอำนาจในดินแดนชาวยิว ในมุมของแฟนบอลเบียตาร์ นี่คือความพ่ายแพ้ของพวกเขา เพราะทางสโมสรประกาศออกมาแล้วว่า จะหันมาสนับสนุนความเท่าเทียม ระหว่างชาวยิว
และอาหรับ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม นโยบายกีดกันเชื้อชาติยาวนานกว่า 80 ปีของเบียตาร์ กำลังจะจบลง แต่ไม่ได้หมายความว่า ชาวปาเลสไตน์จะได้ผลดี กับการเริ่มมีอำนาจของคนอาหรับในดินแดนอิสราเอล แต่ตรงกันข้ามทุกอย่างแย่กว่าเดิมจากที่เคยให้ความช่วยเหลือ ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ หลังจากจับมือกับอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ล้มเลิกการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกอาหรับทันที หรือถ้ายังรับไว้ ก็เป็นการดึงคนกลุ่มนี้ มาเป็นแรงงานทาสในประเทศ
Komentarze